เข้ามอบตัวอีก 1 ราย กรณี 2 คนร้าย ขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าอ้างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบขอตรวจค้นก่อนชิงทรัพย์สิน
Published · Updated

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วิชิตได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย 2 ราย ว่าถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คนเรียกให้จอดรถก่อนแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบขอทำการตรวจค้นก่อนชิงทรัพย์สินไป โดยผู้เสียหายรายแรก ชื่อนาย TUN SHWE ชาวเมียนมาร์ แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.วันที่29 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ขณะขับรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าพื้นที่ต.ฉลอง เมื่อไปถึงบริเวณฝั่งตรงข้ามโรงเรียนอบจ.นาบอน ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.วิชิต ได้มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาใกล้และแจ้งให้หยุดรถ ก่อนบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น และบังคับให้ส่งกระเป๋าให้ก่อนทำการรื้อค้นเอาทรัพย์สิน ก่อนขับรถจยย.หลบหนีไป โดยทรัพย์สินที่ได้ไปเป็น เงินสดประมาณ 4,000 บาทและบัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ อีกรายเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.ของวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วิชิต ได้รับแจ้งจากนายรุ่งโรจน์ บุญมามอญ อายุ 27 ปี ชาว อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียหาย ว่ามีเหตุคนร้าย 2 คน แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และก่อเหตุชิงทรัพย์ ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือและกล่องใส่เงินภายในมีเหรียญประมาณ 500 บาทไป โดยเหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาอ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จึงเดินทางไปตรวจสอบ ก่อนดำเนินการติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองราย ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 5 ส.ค.63 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วิชิต นำโดย พ.ต.ท.ฉัตรชัย ชูหนู สารวัตร.สืบสวน.สภ.วิชิต พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมจับกุมผู้ก่อเหตุ 1 รายทราบชื่อคือ นายเอกชัย จุลทอง อายุ 46 ปี ชาว ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 224/2563 และ หมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 226/2563 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ในฐานความผิด “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยศรีสุทัศน์ 10 ม.7 ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต พร้อมของกลาง เสื้อผ้า รองเท้าและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนนำตัวไปส่งพนักงานสอบสวนสภ.วิชิต เพื่อทำการ สอบปากคำพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนดำเนินคดีตามกฏหมาย ล่าสุดในวันที่ 10 ส.ค.63 นาย ภาสันต์ จุลทอง อายุ40 ปี ผู้ร่วมก่อเหตุอีกราย ได้ประสานขอเข้ามอบตัว ก่อนเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.วิชิต พร้อมนำของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้จากผู้เสียหาย เป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง มามอบให้เจ้าหน้าที่ นายภาสันต์ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นคนขับรถตู้แต่พอเจอสถานการณ์โควิด 19 ระบาดทำให้ไม่มีงานทำและไม่มีเงินใช้จ่าย จึงชวน นายเอกชัยซึ่งเป็นพี่ชาย ออกตระเวนก่อเหตุ ก่อนแบ่งทรัพย์สินที่ได้และหลบหนีไปอยู่ที่บ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ก่อนพี่ชายจะถูกจับ หลังเห็นข่าวทางสื่อต่างๆจึงตัดสินใจเดินทางมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้อยากขอโทษผู้เสียหายที่ได้ก่อเหตุพร้อมนำทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุมาคืน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา“ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป