ชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ตรวบหนุ่มรับจ้างงานหด เงินขาดมือตัดสินใจงัดเเงะลักทรัพย์ 3 ครั้ง ได้ทองคำน้ำหนักเกือบ 10 บาท ไปขายเล่นพนันออนไลน์ สุดท้ายแพ้เรียบเเถมถูกจับ
Published · Updated

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.วัชระ ทองประเทือง รองผู้กำกับสืบสวน.สภ.เมืองภูเก็ต นำโดย พ.ต.ต.จักเรศ อุปถัมภ์ สารวัตร.สืบสวน.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุม นายสมชาย หรือจ๋า โชติราศี อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยของกลาง แหวนทองคำสลักชื่อว่า “เขื่อนแก้ว” จำนวน 1 วง ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ก.ค.63 ได้มี นางพัน (นามสมมุติ) ชาวภูเก็ต ผู้เสียหายโทรศัพท์ไปแจ้งที่สภ.เมืองภูเก็ต ว่า มีเหตุลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 4/1 ซอยพูนผล 11 ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจากรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงพบภายในห้องที่โต๊ะมีร่องร่อยการงัดแงะ พบว่า มีทรัพย์สินหายไปหลายรายการ ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทและจี้พระ จำนวน 1 เส้น สร้อยทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 3 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 2 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 1 บาท จำนวน 3 เส้น พร้อมจี้ 1 อัน แหวนนามสกุลเขื่อนแก้ว 1 สลึง จำนวน 1 วง ฯลฯ หลังจากนั้นชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ตได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ก.ค.63 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับการประสานจากผู้เสียหายมีผู้ต้องสงสัยชื่อ นายจ๋าไม่ทราบชื่อสกุลจริง ได้นำแหวนนามสกุลเขื่อนแก้ว 1 สลึงไปจำนำกับคนที่เฝ้าโต๊ะสนุ๊กเกอร์แถวสี่แยกบางเหนียวและทราบว่าผู้ต้องสงสัยได้เดินทางกลับไปที่ห้องเช่าภายในซอยพูนผล 13 หลังจากนั้นชุดสืบสวนฯจึงเร่งเดินทางไปตรวจสอบ ปรากฏว่า พบผู้ต้องสงสัยพักอยู่ในห้องเช่าจริง จึงเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.เมืองภูเก็ต ก่อนจะยอมรับว่าก่อเหตุจริง จากการสอบถาม นายสมชาย ยอมรับว่าได้ก่อเหตุที่บ้านหลังดังกล่าวจริง ซึ่งที่ผ่านมาบ้านหลังดังกล่าวเคยเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ และแฟนสาวของตนเป็นลูกจ้างอยู่ประมาณ 4-5 ปีและตนเคยไปที่ร้านดังกล่าวบ่อยครั้ง และในช่วงเดือนเมษายน 2563 ก่อนที่ร้านดังกล่าวได้ปิดปรับปรุงและไม่มีคนอยู่ โดยเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.63 ตนได้เดินทางไปดื่มสุราภายในซอยดังกล่าวและเห็นภายในร้านประตูห้องปิดอยู่จึงได้เข้าทางหลังและปีนเข้าภายในห้องโดยใช้กรรไกรงัดที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานภายในห้องปรากฎว่า พบ สร้อยคอทองคำ จำนวนหนึ่ง และได้ขโมยมาส่วนหนึ่งและเก็บไว้ในลิ้นชักที่เดิมส่วนหนึ่ง เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นทองปลอม จากนั้นวันรุ่งขึ้นได้นำทองที่ขโมยไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งในพื้นที่ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ได้เงินมาประมาณ 42,000 บาท จากนั้นตนได้กลับเข้าไปขโมยทองที่เหลืออยู่ในลิ้นชักจนหมด และนำไปขายได้เงินมาอีกประมาณ 76,000 บาท และครั้งสุดท้ายได้นำแหวนทองสลักชื่อไปจำนำคนเฝ้าโต๊ะสนุกเกอร์ จำนวน 2,000 บาท เนื่องจากแพ้สนุกเกอร์ จนมาสู่กับจับกุมดังกล่าว นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเคยเล่นการพนันออนไลน์มาบ้างแล้ว แต่มีงานเยอะทำให้ไม่มีเวลาเล่นจึงได้เลิกเล่น และพอเกิดสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ตนไม่มีงานทำและไม่มีเงินใช้ จึงหันมาเล่นการพนันออนไลน์เพื่อหวังจะได้กำไรจากการเล่นการพนัน โดยช่วงแรกจะได้กำไรบ้างหลังจากนั้นเสียตลอดและไม่มีเงินเล่นต่อ จึงตัดสินใจเข้าไปขโมยทรัพย์สินที่ร้านดังกล่าว เพื่อต้องการนำเงินไปเล่นการพนันต่อ แต่เล่นไปเล่นมาก็เสียหมดตัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในเคหะสถานช่วงเวลากลางคืน พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป