ผู้ประกอบการร้านสปา และนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพต่างปฏิบัติติตามที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัดหลังมีการผ่อนปรนให้เปิดร้านได้
Published · Updated

หลังจากที่ทางภาครัฐได้มีมาตรการผ่อนปรนและให้สถานประกอบการ สปา และนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพในจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 ของ ศบค. และจังหวัดภูเก็ตหลังจากมีการประกาศให้ปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ซึ่งต่างก็พร้อมปฏิบัติตามมาตราการที่ทางหน่วยงานภาครัฐกำหนดโดยเคร่งครัด
นายพงษ์สิงห์ ณ นคร ผู้ประกอบการร้านสปาและนวดแผนไทย กล่าวว่า ในส่วนของร้านได้มีมาตรการเป็นสองส่วนหลักๆคือ ผู้มารับบริการจะต้องทำอะไรบ้าง และผู้ให้บริการต้องทำอย่างไรบ้าง น้ำหนักตรงนี้ ฝั่งผู้ให้บริการก็ต้องเช็คคัดกรองตามหลักของสาธารณสุข ซึ่งทางสาธารณะสุขได้จัดอบรมมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพื่อที่จะให้ทุกแห่งทำในเรื่องเดียวกัน ไปในทิศทางเดียวกัน อย่างผู้มารับบริการก็คัดกรองก่อน ให้ที่อยู่เบอร์โทรเก็บไว้ ส่วนผู้ให้บริการ บริการได้ทุกส่วนยกเว้นหัวและหน้า ส่วนอื่นก็นวดได้ในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงและความสะอาดต่างๆการฆ่าเชื้อต่างๆ การใช้ซ้ำของผ้า ทางเราต้องใช้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งทางร้านเองก็ทำอยู่อย่างนั้นอยู่แล้ว ในทุกสาขาเลยไม่ได้ลำบากเท่าไหร่ และพร้อมกับธุรกิจของเรามีต้นไม้มีธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ทิ้ง มีคนสวนมาดูแลตลอดมีการทำความสะอาดล้างแอร์ต่างๆ ซึ่งปกติเราก็ทำอยู่แล้ว แต่ก็ทำเป็นพิเศษก่อนเปิด
นายพงษ์สิงห์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคนที่เปิดธุรกิจใหม่ก็อาจจะลำบากที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติ ลำบากหมดขนาดเราทำมานานก็ยังมีผลกระทบเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่มีเวลาที่แน่นอนว่าสิ้นปีนี้จะมีโอกาสไหม เพราะว่าธุรกิจหลายธุรกิจในภูเก็ตขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยว และไม่สามารถทำธุรกิจอื่นได้ ตั้งแต่ปี 35 มาเราให้น้ำหนักกับการท่องเที่ยวมาตลอด เมื่อสนามบินปิดและไม่มีการเดินทางของนักท่องเที่ยว ก็ทำให้ภูเก็ตเกิดผลกระทบมากที่สุด แต่เดิมเราก็ได้สกรีนจากลูกค้าอยู่แล้วว่าทางร้านของเราสะอาด แต่พอมาถึงยุคนี้ตอนนี้เราก็ต้องเพิ่มมาตรการความสะอาดให้เข้มขึ้นทุกอย่าง เราไม่มีการใช้ซ้ำอย่างเช่นเตียงนวดเท้า เมื่อลูกค้าใช้บริการเสร็จเราก็ทำความสะอาดทันที อยากจะบอกผู้ประกอบการทั้งหลายว่าอย่าพึ่งหมดกำลังใจต้องสู้ต่อไป