ผู้ช่วย ผบ.ตร.จับแก็งค้ามนุษย์เด็กกัมพูชาช่วยเหลือเหยื่อได้ 17 ราย

กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุมขบวนการ แก๊งต่างชาติค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงานเด็กขายของบริเวณชายหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต สามารถช่วยเหลือเป็นเด็กชาวกัมพูชา และเวียดนาม จำนวน 17 ราย
โดย พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรีและครอบครัว(ศพดส.ตร) เปิดเผยว่า จากการสืบสวน ของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, มีการนำเด็กสัญชาติกัมพูชาและเวียดนามมาเดินเร่ขายแว่นตา หรือ พวงมาลัย ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนบริเวณชายหาดป่าตอง ซึ่งมีกลุ่มต่างชาติทำการเช่าเด็กจากบิดามารดาผู้ปกครอง โดยอ้างกับบิดามารดาผู้ปกครองว่าเป็นงานสบาย ได้เงินเดือนละ 5,000 บาท จากนั้น พาเด็กเดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ แล้วเดินทางต่อมายังจังหวัดภูเก็ตพักอาศัยอยู่บ้านเช่า และจะบังคับให้เด็กขายสินค้าประเภทแว่นตา หรือ พวงมาลัย ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนบริเวณชายหาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต โดยเด็กต่างชาติบางรายมีอายุต่ำกว่า 15 ปี ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งบางรายทำงานตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงคืน โดยไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด มีเพียงได้รับอาหารและที่พักอาศัย หากเด็กขายสินค้าได้ไม่ถึงกำหนด(จำนวน 3,000 บาท ต่อวัน) ก็จะถูกตีด้วยไม้แขวนเสื้อบ้าง ใช้กำลังทำร้ายร่างกายบ้าง และถูกบังคับให้ขายสินค้าจนถึงจำนวนที่กำหนดให้ เด็กบางรายถูกนำไปให้ทำการเช่าสิทธิต่อกับกลุ่มอื่นวนเวียนไป เด็กบางรายถูกทำร้ายร่างกายจนทนไม่ไหวหลบหนีออกจากบ้านพักเดินทางกลับประเทศเกิดบ้าง หลบหนีไปทำงานที่จังหวัดอื่นบ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. จึงทำการติดตามเด็กที่เคยทำงานอยู่กับกลุ่มดังกล่าว จนในที่สุดได้พบเด็กที่เคยตกเป็นผู้ถูกกระทำ จึงร่วมทำการสอบปากคำกับสหวิชาชีพและทำการคัดแยกผู้เสียหาย ปรากฏว่า เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยการบังคับใช้แรงงาน

การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดและหมายค้นเพื่อค้นหาพยานหลักฐานและช่วยเหลือเด็กที่คาดว่าจะตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งจากพฤติการณ์การกระทำความผิดดังกล่าว ทำให้ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ต่างชาติบังคับใช้แรงงานเด็ก โดยได้นำหมายค้นทำการปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 4 จุด ดังนี้จุดที่ 1 บ้านเช่าไม่ทราบเลขที่ ซอยศิลาอุทิศ ต.กะทู้ อ.ป่าตอง จว.ภูเก็ต ทำการจับกุมนาย งอ ซุน หรือ งอง ซัน หรือ NGO SUN อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 241/2563 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 และ น.ส.สุพัตรา เจริญสุข อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 242/2563 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกันไว้ โดยร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการโดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี, ร่วมกันค้ามนุษย์ โดยร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการโดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี,ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด และยังพบเด็กพักอาศัยอยู่ภายในบ้านเช่าดังกล่าว จำนวน 3 คน ตรวจยึดอุปกรณ์การทำพวงมาลัยและพวงมาลัยได้จำนวนหนึ่ง
จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 23 ซอยพระบารมี 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต พบเด็กพักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จำนวน 8 คน ตรวจยึดอุปกรณ์การทำพวงมาลัยและพวงมาลัยได้จำนวนหนึ่ง
จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 2/12 ซอยพระบารมี 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต พบเด็กพักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จำนวน 3 คน ตรวจยึดอุปกรณ์การทำพวงมาลัยและพวงมาลัยได้จำนวนหนึ่ง
จุดที่ 4 บ้านเลขที่ 16/6 ซอยนาใน 2 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต พบเด็กพักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จำนวน 3 คน ตรวจยึดอุปกรณ์การทำพวงมาลัยและพวงมาลัยได้จำนวนหนึ่ง
รวมจำนวนเด็กที่พบทั้งสี่จุด จำนวน 17 คน จึงได้นำตัวไปที่บ้านพักเด็กจังหวัดภูเก็ตเพื่อทำการตรวจสอบว่าเป็นบุตรของผู้ใด และคัดแยกว่าผู้ใดเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตามหมายจับได้ดำเนินการซักถามขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการและช่วยเหลือเด็กที่คาดว่าจะถูกบังคับใช้แรงงานนอกจากนี้ ยังพบบุคคลต่างด้าวที่น่าจะอยู่ในราชอาณาจักรไทยผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง ซึ่งจักได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยนับจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์จักได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และบ้านพักเด็กจังหวัดภูเก็ต เพื่อทำการช่วยเหลือคัดแยกเด็กที่ตรวจพบ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาทางจิตใจ และทำการสอบสวนขยายผลหาผู้ที่ร่วมกระทำความผิดเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป